ปีใหม่ไปไหนดี​: กราบพระบรมเกศาธาตุที่วัดบวรฯ

ใกล้ปีใหม่​ เชิญกันไปกราบพระบรมเกศาธาตุ จากประเทศศรีลังกา ซึ่งมาประดิษฐาน ณ พระตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร​ เพื่อความเป็นศิริมงคลของชีวิต เปิดให้สักการะทุกวันในเวลา 10.00 – 20.00 น. ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 15 มกราคม 2563

นอกจากจะได้กราบพระบรมเกศาธาตุแล้ว​ ยังเป็นโอกาสได้ชมความงามของทั้งพระตำหนักเพ็ชร​ พระตำหนักจันทร์​ และได้ชมประตูและกำแพงพระนคร​ ที่อยู่ถัดออกไปนิดเดียวอีกด้วย

เรื่องราว ริมทาง : หอกลอง

อากาศเย็นช่วงนี้ โชคดีได้ไปเดินเล่นผ่านแถววัดโพธิ์ ตรงบริเวณหน้ากรมการรักษาดินแดน พบสิ่งก่อสร้างรูปทรงน่าสนใจ เพื่อนที่ไปด้วยถามว่า

เอ๊ะ! นี่อะไร

อืมมม ดูป้ายกันไหมเธอ และนี่คือสิ่งที่เราได้ความรู้มาจากการอ่านป้าย

หอกลอง

สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 เมื่อ พ.ศ. 2325 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเหมือนกับหอกลองในสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมทำด้วยไม้ ทาด้วยดินสีแดง มีด้วยกัน 3 ชั้น และแต่ละชั้นมีกลองขนาดใหญ่แขวนอยู่ คือ

• ใบแรกชื่อ “ย่ำพระสุรสีห์” ใช้ตีเพื่อบอกเวลา
• ใบที่สองชื่อ “อัคคีพินาศ” ตีเพื่อแจ้งเหตุเพลิงไหม้ และ
• ใบที่สามชื่อ “พิฆาตไพรี” ตีเพื่อแจ้งให้ทราบว่ามีสงคราม

ในสมัยรัชกาลที่ 3 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนยอดหอกลองจากมณฑปมาเป็นรูปยอดเกี้ยวแบบจีน และต่อมา รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้แก้ไขกลับไปเป็นยอดทรงมณฑปตามแบบเดิม จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 หอกลองได้ถูกรื้อลงเพื่อใช้ที่ดินสร้างพระราชอุทยาน “สวนเจ้าเชตุ” และถูกสร้างขึ้นใหม่ตามรูปแบบเดิมอีกครั้งหนึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2525 เพื่อฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี

ถามอากู๋ ได้ความเพิ่มว่า กลองใบที่สามนี้ ไม่เคยถูกตีเลย เพราะบ้านเมืองเราสงบ ไม่เคยมีข้าศึกยกทัพมาประชิดกรุง

ขอเชิญชาวพระนคร เดินเล่นรอบเมือง เพื่อเรียนรู้และชื่นชมเรื่องราวริมทาง ยิ่งอากาศเย็นเยี่ยงนี้ ยิ่งดีต่อใจและกาย
นะคะ

วันที่รื่นรมย์ – นครปฐม ใกล้แค่นี้

We live in a wonderful world that is full of beauty, charm and adventure. There is no end to the adventures that we can have if only we seek them with our eyes open.

— Jawaharlal Nehru —

ถ้าเป็นชาวกรุงเทพฯ แล้วมีคำถามว่า วันเดียวจะเที่ยวไหนดี “นครปฐม” น่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ และมีร้านอาหารอร่อย ๆ ให้เลือก เที่ยวสำราญ ทานอร่อย ครบสูตร

เชื่อว่าร้อยละ 80% ที่นึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวนครปฐม คงหนีไม่พ้นการไปสักการะพระปฐมเจดีย์ แต่ทริปที่เราไปวันนี้ แค่ผ่านแต่ยังมิได้แวะ เป้าหมายแรกเนื่องจากใกล้เที่ยงแล้ว ก็ไปแวะทานข้าวกลางวันเสียก่อน ที่ร้าน “กุ้งอบภูเขาไฟ” นอกจากไก่จะอบภูเขาไฟได้แล้ว กุ้งก็ได้รับสิทธิกับเขาด้วยเช่นกัน

ร้านกุ้งอบภูเขาไฟนี้ ขายมานาน ได้รับ Vote เป็นร้านยอดนิยมจากโลกออนไลน์ ต้องมาลองเอง จึงจะเข้าใจว่าเด็ดเช่นไร แต่ตอนนี้พอจะบรรยายให้ฟังเล็กน้อยพร้อมภาพประกอบได้

สั่งกุ้งอบภูเขาไฟ เขาก็จะยกภูเขามาให้ทั้งลูกแบบนี้ จากนั้นก็จะถามเราว่า จุดไฟไหม ถ้าจุดก็จะนำแอลกอฮอล์มาราด และวางเพลิงภูเขาลูกนี้กันเลย
ภูเขาไฟกำลังปะทุได้ที่
หลังจากภูเขาไฟสงบ ก็จะเหลือกุ้งอบเต็มจาน พร้อมกับลาวา อยู่ข้างล่าง เป็นน้ำซอสที่อบกุ้งมา ราดข้าวอร่อยเด็ด กุ้งสดมาก อบได้ดีงาม เปลือกกรอบ เนื้อหวานเด้งดึ๋ง

อิ่มหนำสำราญแล้ว ก็ไปเที่ยวชมพระราชวังสนามจันทร์ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน ขับรถไม่กี่นาทีก็ถึง

ตอนสำรวจจากอากู๋ ดูงง ๆ ว่า เขาเปิดให้เข้าชมเป็นช่วง ๆ หรือทั้งวัน แต่ไปเจอเว็บนี้เข้า https://www.museumthailand.com/th/museum/SanamChandraPalace ช่วยทำให้เรากระจ่าง ว่าเปิดทุกวันเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์นะ (ขอขอบคุณ ที่ทำให้เราได้ไปชมวัง ไม่ถอดใจกลับเสียก่อน)

เรื่องวิชาการอ่านจากเว็บนี้หรือเว็บอื่น ๆ ได้เลย อ่อ แต่เราไม่เสียค่าเข้าชมนะ เขาให้เข้าได้เลย พอดีเวลาน้อย ไม่ได้แวะถามรายละเอียดเพิ่มเติม เรื่องวัน เวลา และค่าเข้าชม

เดินเข้าไปข้างใน ประทับใจยิ่ง ต้นไม้ใหญ่ ๆ เยอะมาก ใหญ่แบบที่หาดูกันไม่ได้ง่าย ๆ มองไปก็เขียวร่มรื่นไปทั่ว อยากเดินเล่นนาน ๆ แต่เราไปกันหลายคน เดินถ่ายรูปพอสมควรแล้วตั้งใจว่า วันหน้าจะมาแบบละเอียด ๆ แน่นอน

วันเดียวเที่ยวแบบมักน้อย ทานอร่อย และไปในสถานที่สวยงาม อิ่มท้องและอิ่มเอมใจ ได้เวลากลับ กทม.

ความงามมีอยู่ทั่วไป เพียงเปิดตา เปิดใจ จะรับรู้ได้โดยพลัน

(เราว่างั้นนะ :-))

ปราสาทสัจจธรรม – จากความฝันสู่ความจริง

All our dreams can come true, if we have the courage to pursue them.

— Walt Disney


ไปพัทยาคราวนี้ ที่พักอยู่ใกล้กับปราสาทสัจจธรรม  แบบว่าเดินเล่นที่หาดหน้าโรงแรม ได้ภาพประมาณนี้เลย

ถ้างั้นจะรออะไร ต้องแวะเที่ยวกันหน่อยแล้ว

ปราสาทไม้ทั้งหลังแห่งนี้ สร้างตั้งแต่สิงหาคม  2524  แต่จนบัดนี้ยังสร้างไม่เสร็จ หากสงสัยว่าทำไมจึงนาน คำตอบอยู่ที่ตอนเข้าไปเห็นของจริงนี่แล ทั้งใหญ่และมีรายละเอียดและเรื่องราวในทุกจุด ทุกบริเวณ แถมเป็นงานแกะสลักไม้ทั้งสิ้น ไม่แปลกใจที่ใช้เวลา และแรงงานอย่างมาก ในแต่ละวัน มีคนงานร่วม  300  ชีวิต มาช่วยกันสร้างปราสาทหลังนี้

ก่อนเข้าสู่ตัวปราสาท เรานั่งรถม้าชมรอบ ๆ ได้เห็นการตกแต่งด้านนอกที่ดูยิ่งใหญ่มาก

 

ตัวปราสาทประกอบด้วยห้องโถงกลางและห้องที่มีทางเปิดอีกสี่ห้องตามทิศทั้งสี่ แต่ละห้องจะแสดงปรัชญาเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ซึ่งสรุปตามความเข้าใจของเราเองได้ดังนี้

  • ตัวตนของเราไม่มีอยู่จริง สิ่งที่เห็นเป็นตัวเรา เป็นองค์ประกอบของธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ พลังงานที่ใช้ก็เชื่อมโยงมาจากแหล่งต่าง ๆ ทั้งพระอาทิตย์ พระจันทร์ และดวงดาว
  • พ่อแม่คือผู้ที่รักเราอย่างไม่มีเงื่อนไข รักบริสุทธิ์ ไม่ต้องการสิ่งใดจากลูก ต้นแบบของคุณธรรมเริ่มจากครอบครัว คือพ่อแม่ของเรา
  • ตัวเรานั้นเล็กนิดเดียว สุดท้ายก็จากโลกนี้ไป ที่หลงเหลือไว้ ก็คือการกระทำหรือผลงาน อย่างความฝันของเจ้าของปราสาทแห่งนี้ ที่ตั้งใจสร้างงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ จนออกมาเป็นความอลังการงานสร้างจริง ๆ

นอกจากการชมตัวปราสาทแล้ว ยังมีการแสดงรำไทยและการต่อสู้แบบไทยให้ชมกันพอสมควร ไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป แต่ต้องไปให้ตรงรอบนะคะ สำหรับคนที่ชอบกิจกรรมผจญภัยมากขึ้นกว่าสามารถเลือกขี่ช้างหรือนั่งสปีดโบ้ท ได้ด้วย

ราคาบัตรเข้าชมปราสาท 500 บาท เป็นราคาที่คิดหนักก่อนเข้าชมเหมือนกัน แต่ก็เข้าใจได้ว่า งานขนาดนี้ ค่าเข้าชมเท่านี้ ไม่แพงเลย แล้วหากเป็นผู้สูงอายุ  75 ปีขึ้นไป ได้ลดครึ่งราคาด้วยนะ แนะนำให้ไปเช้า ๆ นะคะ เพราะจะได้หลบแดด ส่วนผู้สูงอายุที่อาจเดินขึ้นบันไดไม่ไหว เขามีลิฟท์ให้ค่ะ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ดูแลผู้สูงอายุดีมาก ขอขับรถเข้าไปจอดรับส่งด้านในก็ได้ค่ะ

พิเศษสุดสำหรับผู้ที่ชอบเสี่ยงโชค เราแอบเห็นมีรอยแป้งที่เสาตะเคียนอายุ 600 ปี ที่เป็นเสาเอกของปราสาทด้วยนะ จะบอกให้

ของดี ราคาไม่แพง มีอยู่จริงไหม – ตอน ครัวเรือนเจ้าพระยา มาทีไรก็ไม่ผิดหวัง

Learn to enjoy every minute of your life. Be happy now. Don’t wait for something outside of yourself to make you happy in the future. Think how really precious is the time you have to spend, whether it’s at work or with your family. Every minute should be enjoyed and savored.

— Earl Nightingale


วันหยุดยาว เป็นช่วงเวลาที่ควรมีกิจกรรมร่วมกันกับสมาชิกในครอบครัว การรับประทานอาหารอร่อยร่วมกันแบบสบาย ๆ ในบรรยากาศดี ๆ น่าจะเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่หลายครอบครัวเลือกจะทำ

ครัวเรือนเจ้าพระยา เป็นร้านที่เหมาะแก่การพาสมาชิกครอบครัวไปทานอาหารอย่างมีความสุข เพราะถูกลิ้น ถูกตา และถูกสตางค์ ชวนให้ถูกใจหลาย ๆ คน

ถูกลิ้น เพราะอาหารที่สั่งมาอร่อยทุกจาน ถ้าอยากทานกุ้งแม่น้ำตัวโต ก็มีให้สั่ง เมนูขึ้นชื่อสุด คือ กุ้งแม่น้ำซอสมะขาม  เราชอบพล่ากุ้ง อร่อยเด็ดเช่นกัน แต่คราวนี้ไม่ได้สั่ง

น้ำพริกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกกะปิ น้ำพริกกุ้งสด น้ำพริกลงเรือ รสกลมกล่อม และราคาดีงามทีเดียว

ปลากระพงทอดราดน้ำปลาก็ทอดได้กรอบ รสชาติลงตัว ไม่ต้องราดน้ำจิ้มก็อร่อยชัดเจน

ส่วนที่ต้องสั่งทุกครั้ง ไม่เคยพลาดได้แก่ แกงคั่ว วันไหนไม่มีหอยขม ก็สั่งไก่บ้านหรือปลาดุกแทน ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ รสละมุน เติมข้าวแล้วเติมข้าวอีก แล้วก็ทอดมันปลากราย ชิ้นใหญ่และหนา ทำได้เหนียวกำลังดี ถูกใจทุกคน

แกงส้มชะอมกุ้งใส่กุ้งแม่น้ำมาตัวใหญ่ไม่น้อย จานนี้ก็รสกำลังดีเหมือนกัน เด็ก ๆ ชอบมาก แต่ถ้าไม่ทานเผ็ดจัด ก็บอกเขาได้ว่า ลดความเผ็ดลงหน่อย ความอร่อยก็ไม่ลดลงนะเราว่า จริง ๆ ก็ไม่ได้เผ็ดมากนักอยู่แล้วล่ะ

เขามีมะพร้าวอ่อนเป็นลูก ๆ ให้สั่งกันด้วย มีของหวานทั่ว ๆ ไป แล้วก็มีไอติมแท่งอยู่ในตู้ให้เลือกหยิบทาน

ส่วนเรื่องของความถูกตานั้น วิวดีอย่างนี้เลย เพราะติดแม่น้ำเจ้าพระยา จะซื้ออาหารไปเลี้ยงปลา ก็เป็นอีกสิ่งที่ชวนเพลิดเพลินได้

ที่ว่าถูกสตางค์ ก็เพราะจากภาพทั้งหมด บวกกับมะพร้าวสองลูก ไอติมสองแท่ง ข้าวและน้ำดื่ม รวมแล้ว 1,295 บาทเอง บอกก่อนว่า อาหารแต่และจานปริมาณไม่น้อย ค่อย ๆ สั่ง ก็ได้นะ ที่เห็นนี้เราทานกันผู้ใหญ่ 5 เด็กไม่เล็กแล้ว 2 เหลือแกงคั่วห่อกลับบ้านนิดหน่อย

ทั้งหมดนี้ ช่างดีต่อใจ


ครัวเรือนเจ้าพระยา ตั้งอยู่ใกล้วัดไก่เตี้ย อำเภอสามโคก จ.ปทุมธานี ถามอากู๋เพิ่มเติมได้จ้ะ

Hello VAN GOGH บางละมุง – ศิลปสถานที่มักถูกมองผ่านเลย

Love many things, for therein lies the true strength, and whosoever loves much performs much, and can accomplish much, and what is done in love is done well.

—- Vincent van Gogh


เวลาพัทยา คุณไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง เราก็เหมือนหลาย ๆ คน ก่อนไป ก็ต้องพึ่งอากู๋ปักหมุดกันก่อน ว่าจะไปไหนดี แล้วก็พบสถานที่หนึ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

Hello VAN GOGH บางละมุง เป็นที่ที่เราค้นพบ แล้วก็ร้อง ว้าว มีที่นี้ด้วยหรือ จะพลาดได้ไง ศิลปินในดวงใจทีเดียวนะ ปักหมุดเป็นที่แรกเลย เที่ยวก่อนเช็คอินเข้าพักโรงแรม

ไม่ถึงชั่วโมงครึ่งเราก็ถึงที่หมาย ขับไปเรื่อย  ตามที่ map จะพาเราไป  ที่จอดรถมีเหลือเฟือ ครอบครัวเราเป็นลูกค้ากลุ่มเดียว หลังจากที่มีทัวร์มาลงหนึ่งคณะเล็ก แล้วจากไปก่อนหน้าเรานิดหน่อย  หากมองจากข้างนอก อาจมโนไปเองได้ว่า ไม่เห็นจะมีอะไร แต่ถ้าตัดสินใจซื้อบัตรเดินเข้าไปข้างใน ก็อาจรู้สึกได้ว่า ไม่ควรตัดสินหนังสือด้วยปก

ตรงโถงทางเข้าจะเป็นการแสดงภาพเขียนที่เขาขาย เสียดายที่กล้องมีปัญหา ไม่ได้ภาพมา มีซุ้มรอบ ๆ ให้เราได้ถ่ายภาพกับ  prop ต่าง ๆ ที่มาจากภาพเขียนที่มีชื่อเสียงด้วย

ก่อนเข้าชมด้านใน แวะเข้าห้องน้ำเสียก่อนให้เรียบร้อย สำหรับคนรักวินเซ็นต์ ดูภาพประดับห้องน้ำ ก็น่าจะมีความสุขอยู่ทีเดียว

เข้ามาข้างใน คราวนี้ได้พบกับของจริง ที่นอกจากจะแสดงประวัติของวินเซ็นต์แล้ว ยังมีการเชื่อมโยงสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดงานศิลปะของเขา ที่รวมถึงผลงานของศิลปินหลายคน  และที่เราชอบและคุ้นตา ก็จะเป็นงานของโมเน่ต์ ที่เขาอุทิศพื้นที่ให้พอสมควร

สิ่งที่ได้สัมผัส มีทั้งภาพเขียน ภาพแอนนิเมชัน การจัดสถานที่อย่างห้องอาหารของโมเน่ต์และห้องนอนของวินเซ็นต์แล้วก็ยังมีเพลงที่เลือกมาอย่างดี ทำให้อิ่มเอมจากการรับชม รับฟัง นำไปสู่ความอิ่มเอมทางใจ

ปิดท้ายด้วยห้องเล่นเกม ที่มีทั้งปาลูกบอลเพื่อดูภาพ และเกมที่ให้เราใช้มือกวาดเพื่อวาดภาพ สนุกไปอีกแบบ รวมทั้งร้านขายของที่ระลึก ที่เราแอบเสียดายว่า ผลงานของวินเซ็นต์ขายหมดไม่เหลือให้เราซื้อ (แต่พนักงานบอกว่า ของจะเข้ามาเร็ว ๆ นี้)

 

สำหรับเราแล้ว บัตรเข้าชมราคา  200  บาท ไม่แพง เพราะดูจะลงทุนไปมาก พนักงานทุกคนก็อัธยาศัยดี ให้การต้อนรับและช่วยเหลืออย่างสุภาพและอ่อนโยน แต่ไฉน คนเข้าชมน้อยมาก

อยากชวนกันไปเที่ยวเยอะ ๆ เขาจะได้อยู่ได้นาน ๆ และเราอาจได้แวะไปซื้อของที่ระลึกของวินเซนต์จริง ๆ ในคราวหน้า

สำหรับคราวนี้ เราได้โพสต์การ์ด Sunday Afternoon on the Island of La Grande Jatte by Seurat  มา  ที่พี่ฝรั่งเราชอบมาก งดงาม ใส่กรอบแล้วล่ะ

วันเดียวเที่ยวดูสัตว์น้ำ

Nature always wears the colors of the spirit.

Ralph Waldo Emerson

หาที่เที่ยวในกรุงเทพฯ แบบง่าย ๆ สะดวก ไม่เคยไปมาก่อน สุดท้ายมาลงตัวที่ SEA Life Bangkok ที่สยามพารากอน เราซื้อตั๋วลด 30% เงื่อนไขคือไปวันธรรมดาก่อนเที่ยง สบายมาก ขนาดวันธรรมดาคนก็ยังเยอะพอสมควร ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ

คนรีวิวกันเยอะมากอยู่แล้ว เรารีวิวสั้น ๆ ละกัน

  • ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับบรรดาสัตว์น้ำและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่เขารวบรวมมาให้เราดู
  • กว่าจะเดินครบทุกจุด ใช้เวลาพอสมควร แนะนำให้นั่งพักแถวตู้ปลาใหญ่ ๆ เพลินดี
  • ข้างในมืด ถ่ายรูปไม่ง่าย แต่มือถือที่ใช้ก็พอได้อยู่
  • แม้จะมืด แต่พื้นเรียบ wheelchair เข้าได้ ผู้สูงอายุก็เดินสะดวก
  • ที่เราชอบมากกลับไม่ใช่สัตว์ใหญ่อย่างฉลาม หรือปูยักษ์ แต่เป็นบรรดากุ้งตัวเล็กตัวน้อย ที่สีสวยงาม และมีรายละเอียดตามตัวมากมาย ม้าน้ำที่ค่อย ๆ ลอยละล่องไปเรื่อย ๆ รวมทั้งน้องเพนกวิน ที่ชอบมาหยอกเล่นริมตู้กระจกกับเด็ก ๆ น่าเอ็นดู
  • เดินเข้ามาข้างในแล้ว เดินดูได้  เขาไม่ได้จำกัดเวลา แต่เข้าใจว่าปิดสองทุ่มนะ
  • ร้านกาแฟตรงด้านในใช้ได้นะ ไม่แพงมากนัก หิวน้ำหิวขนมซื้อทานได้
  • เดินเรื่อย ๆ เราคิดว่า มีสองชั่วโมงน่าจะกำลังดี
  • โดยสรุป สมควรไปนะ เราว่า

เกาะสีชัง – เรียบง่าย สงบ งดงาม

The only source of knowledge is experience.

— Albert Einstein —

ต่อจากโพสต์ที่แล้ว เราค้างบางแสนหนึ่งคืน นั่งมองวิวทะเลเห็นเกาะสีชังอยู่ไกล ๆ พ่อบอกว่า เกาะสีชังอยู่แค่นี้ แต่ยังไม่เคยไปเลย  ok ไปได้ค่ะ ไม่เคยไปเช่นกัน

check out ออกจากที่พักประมาณ 10 โมงเศษ ก็มุ่งหน้าไปท่าเรือจรินทร์ เนื่องจากเกาะลอยปิดปรับปรุง สอบถามผู้คนแถวนั้น คาดกันว่า คงอีกเป็นปี กว่าเกาะลอยจะเปิด ท่าจรินทร์จริง ๆ แล้ว เป็นสะพานปลา แต่นำมาเป็นท่าเรือโดยสารชั่วคราวระหว่างที่เกาะลอยปิดการใช้งานอยู่ ไม่มีที่จอดรถที่ท่า เราแวะถามแม่ค้าขายกาแฟแถวนั้น แนะนำให้หาที่จอดรถด้านนอก เราได้ที่จอดตรงทางเข้าไนท์บาร์ซาร์ แล้วเรียกตุ๊ก ๆ ไปท่าจรินทร์ ค่าตุ๊ก ๆ 60 บาท ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ

ไปถึงท่าเรือจรินทร์ 10.58 น. เหลืออีกสองนาทีเรือจะออก ได้ยินเสียงแตรเรือดังลั่น ซื้อตั๋วแล้วรีบลงเรือ แต่รีบไม่ได้ดั่งใจ เพราะทางลงเป็นบันไดไม้พาดที่มีราวข้างเดียว สูงและชัน (สูงสักสองเมตรกว่า ลาด 45 องศา) จนคิดว่า แม่จะลงอย่างไรไหว คนเรือและคนที่ท่าเรือให้กำลังใจกันมากว่าลงได้ แล้วก็ช่วยกันจับช่วยกันประคอง จนแม่สามารถลงเรือได้สำเร็จ ขอขอบคุณอีกครั้งมา ณ ที่นี้

ค่าตั๋วเรือโดยสารคนละ 50 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ก็ถึงเกาะ กลางทะเลก็มีเรือให้ชม มีนกให้ดูเป็นระยะ ๆ

พอถึงท่าเรือที่ฝั่งเกาะสีชังนี้ ทางขึ้นสะดวกกว่ามาก ขึ้นมาก็พบกับบริการรถสกายแล็ปนำเที่ยว คันละ 250 บาท บอกพี่คนขับว่า ไปแบบที่ไม่ต้องเดินลำบากมาก แม้จะใกล้แปดสิบแล้ว พ่อยังเดินไหว แต่แม่คงไม่ไหวด้วย

พี่คนขับพาไปที่แรกคือไปไหว้พระทำบุญที่ศาลเจ้าด้านล่าง มิได้ขึ้นไปศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ด้านบนเพราะขึ้นลำบาก แต่ก็ได้แวะจอดให้พวกเราได้ไหว้สักการะท่านจากด้านล่างก่อนถึงศาลเจ้าเล็กที่เราไปทำบุญโลงศพ เจ้าหน้าที่ในศาลเจ้าที่ดูแล้วอาจะเป็นจิตอาสา อธิบายขั้นตอนและให้ความช่วยเหลือให้เราสามารถไหว้และปักธูป ตีกลอง ตีฆ้องได้ถูกต้อง และช่วยดูแลแม่ด้วย ขอขอบคุณอีกครั้งเช่นกัน

ต่อจากศาลเจ้า ก็ไปที่ช่องเขาขาด ชมวิวอันสวยงามสงบเงียบ แบบที่เห็นกันคุ้นตาตามรีวิวต่าง ๆ บนเน็ต จากนั้นเราก็เริ่มหิวน้ำ อ่านเจอว่ามีร้านเจ็ดสิบเอ็ดบนเกาะ จึงขอให้พี่คนขับพาไป พี่เขาพาไปจอดหน้าร้านนี้ อืมมม เปลี่ยนใจอุดหนุนร้านนี้ดีกว่า

มีความประทับใจร้านส่วนกี่เบเกอรี่นี้เป็นอย่างมาก คุณน้าเจ้าของร้าน ขายของอยู่คนเดียว เราสั่งกาแฟสามแก้ว ขนมปังเนยน้ำตาลนมหนึ่งจาน ขนมปังสังขยาหนึ่งจาน ทั้งหมด 85 บาท ทิปไป 15 บาท คุณน้าไม่รับ บอกว่า ตรงไปตรงมา คือเก็บเงินตามราคาเท่านั้นพอค่ะ  คุณน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ขอเข้าห้องน้ำก็ยินดีให้ใช้ได้เต็มที่

ร้านนี้เปิดมานาน ยังคงเก็บข้าวของเก่า ๆ ไว้ ตามภาพ สรุปว่าร้านเจ็ดสิบเอ็ดไม่ได้รับการอุดหนุนจากเราในวันนี้ ขอให้คุณน้าขายดียิ่ง ๆ ขึ้นไปนะคะ สังขยาหอมไข่แดงมากค่ะ

 

สถานีต่อไปคือสะพานอัษฎางค์ซึ่งเป็นเขตพระราชฐาน สะพานแห่งนี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เห็นหลายคนเขียนว่าเป็นสะพานแห่งรัก ไม่รู้เหตุผล แต่บอกได้ว่าเข้าไปรู้สึกโรแมนติค สถานที่ก็ร่มรื่น แม้เราจะไปเยือนกลางแดดเปรี้ยง  ในเขตพระราชฐานนี้มีจุดท่องเที่ยวอีกหลายจุด แต่ไม่ได้เดินไป เพราะพ่อกับแม่เริ่มเหนื่อย

สุดท้ายก่อนกลับไปท่าเรือ คือ พ่ออยากชมชายหาดของเกาะสีชัง พี่คนขับจึงพาไปหาดถ้ำพัง ซึ่งพี่เขาเล่าว่าบางช่วงนักท่องเที่ยวเต็มหาดทั้งไทยและต่างประเทศ เราไปวันธรรมดา หาดจึงดูเงียบสงบดี หาดนี้เป็นหาดเดียวในเกาะที่สามารถเล่นน้ำได้

กลับมาขึ้นเรืออีกครั้ง ค่าเรือขากลับก็ 50 บาทเท่ากับขามา ตอนกลับขึ้นฝั่ง ก็มีพี่ ๆ น้อง ๆ ที่ใจดีทั้งในเรือและบนท่าช่วยกันพาแม่ขึ้นจนสำเร็จ ก็ขอขอบคุณอีกครั้งเช่นกันค่ะ

ขอบคุณที่สุดคือพ่อ ที่ชวนเที่ยว และดูแลแม่เป็นอย่างดีตลอดการเดินทางนี้ ขอบคุณแม่ที่ไปไหนไปกันค่ะ

 

 

เที่ยวทะเลใกล้ ๆ ที่ไม่เคยไปมาแสนนาน – บางแสน

“Wherever you go, go with all your heart.”

                                     — Confucius —

ตั้งใจอยากจะหยุดงานหลายวัน แต่มีเหตุให้เปลี่ยนแผน เหลือวันหยุดสองวัน คิด ๆ ๆ ไปไหนดี ค้น ๆ ๆ ไปที่นี่ล่ะนะ ไม่เคยไปมานานกว่า 30 ปี (โปรดอย่าใช้ข้อมูลเพื่ออ้างอิงอายุคนเขียน)

“ดูพระจันทร์ตกน้ำ ตกเมื่อยามราตรี” ถ้าคุ้นเนื้อเพลงนี้ ก็ใช้อ้างอิงอายุได้อีกเหมือนกัน แถมจะตอบได้ด้วยว่า ไปบางแสนนั่นเอง ทะเลที่ในอดีตเป็นที่นิยมอย่างมาก แต่วันนี้อาจไม่ค่อยเป็นตัวเลือกของใครต่อใครนัก

บางแสนใกล้กรุงเทพฯ มาก เช็คระยะทางด้วย Google Map 108 กิโลเมตรจากบ้าน ขับรถไม่นานก็ถึงที่พักซึ่งก็จองตามที่เห็นรีวิวกันว่า ที่พักหลักพัน แต่วิวเป็นหมื่น  ที่หาดวอนนภา (บอกอย่างจริงใจว่า ถ้าเลือกห้องชั้นเตี้ยหน่อย แล้ว crop ภาพเอา วิวก็หรูใช้ได้ เพราะความสวยงามอยู่ที่มุมของคนมองอย่างที่ใครกล่าวไว้ แต่ถ้าจะให้ดีก็พักชั้นสูง ๆ จะได้หลบเสาไฟ สายไฟ และความจอแจตามถนนริมหาด ส่วนบริการนั้นดีมาก พนักงานสุภาพยิ้มแย้ม อาหารอร่อยและดีเกินราคา) ลองดูวิวแบบ crop แล้วจากห้องนอนตามภาพค่ะ

นั่งชมทะเลไปเรื่อย ๆ ก็เพลินแล้ว ไม่ต้องทำอะไรมาก แต่ก็เดินชมรอบ ๆ สักหน่อย หาดนี้ชาวประมงทำประมงกัน มีเรือประมงตลอดแนว

เป้าหมายของทริปนี้ อยากมาดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าและขอบน้ำ แต่ไม่มีโชค หมู่เมฆพร้อมใจกันมายึดแผ่นฟ้า พระอาทิตย์ก็ขี้อาย หลบหายเข้ากลีบเมฆ ได้แต่ภาพทะเลสีเงิน ๆ

 

สักวันจะกลับมาตามหาภาพทะเลสีส้ม ณ ที่นี้