Indonesia 2017 ตอนที่ 11 – อำลาอินโด

จากมาลังมาจาการ์ตาเพื่อขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ​ หลังจากอิ่มเอมกับสิ่งที่เกินความคาดหมายมากมาย อาหารทานได้ หลายอย่างอร่อยมาก พลังจากภูเขาไฟที่เตือนเราว่ามนุษย์นี้ ตัวเล็กนิดเดียว มิใช่ศูนย์กลางของจักรวาล ศาสนสถานทั้งหลายที่ทำให้เห็นศรัทธาที่ยิ่งใหญ่ มนุษย์แทบจะไม่มีขีดจำกัด หากมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า ต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่ทุกหนแห่งทำให้อิจฉา อยากมีแบบนี้ในเมืองที่เราอยู่เป็นประจำบ้าง อืมมมม….สารพัดจะบรรยาย

ปิดท้ายที่สนามบินจาการ์ตามีศิลปะบนผนังให้ชม ดูเพลิน ๆ ตลอดทางเดินเพื่อ transit บันเทิงไม่น้อย ชื่นชมในความคิดสร้างสรรค์ทุกภาพ

ขอบคุณเพื่อนและคุณพ่อคุณแม่ของเธอ สำหรับคำเชิญชวนให้ไปร่วมทริปนี้ ทำให้มีช่วงเวลาแห่งความสุขร่วมกันอย่างน่าจดจำ

….. มาชวนอีกได้นะ….

Indonesia 2017 ตอนที่ 10 สีสันแห่งเมืองมาลัง

การไม่ไปสวนแอปเปิ้ลทำให้เรามีเวลาเหลือในการชมเมือง

ไกด์พาเรานั่งรถวนไปตามย่านบ้านสวย ๆ งาม ๆ ของผู้มีฐานะดี ๆ ดูแล้วก็สวยงามดี

แต่ที่น่าสนใจกว่าคือ ย่านชุมชนแออัด ที่เขาพัฒนาให้มีสีสันสวยงาม พอรถวิ่งผ่านก็เตะตาทันที ขอลงไปถ่ายรูปกันหน่อย อืมม พอลงไปก็เห็นว่า มีนักท่องเที่ยวท้องถิ่นมาถ่ายรูปกันพอสมควร สีสันสดใสแบบนี้ ใคร ๆ ก็คงอยากแวะมา

Indonesia 2017 ตอนที่ 9 เที่ยวในโรงแรม

ตามที่ได้เกริ่นไว้ในตอนที่แล้ว หลังจากเที่ยวน้ำตกแล้ว เราก็เดินทางเข้าเมืองมาลัง เพื่อที่จะต่อเครื่องบินกลับจาร์การ์ตา ขออนุญาตข้ามมื้ออาหารไปบ้าง หลัง ๆ อาหารเริ่มคล้าย ๆ กัน แล้ว และมื้อหนึ่งมีประมาณ 9-10 รายการ จัดเต็มทุกมื้อจริง ๆ

มาถึงที่พักคือ Tugu Malang Hotel ก็ราวสองทุ่มแล้ว หมดแรง แต่โรงแรมสวยงามมาก น่าเดินชม เพราะเป็น Art Gallery ด้วย โปรแกรมวันรุ่งขึ้น ตอนแรกเป็นการไปเที่ยวชมสวนแอปเปิ้ล แต่คะเนกันแล้ว ขอเดินชมโรงแรมดีกว่า

ทัวร์โรงแรมนี้น่าสนใจ เพราะเป็นการรวมสารพัดศิลปะวัฒนธรรมไว้ในโรงแรมนี้ พร้อมมีพนักงานโรงแรมคอยอธิบายแต่ละจุดด้วย หลัก ๆ แล้ว เจ้าของโรงแรมสะสมงานศิลปะวัตถุต่าง ๆ ไว้มาก ก็เปิดโรงแรมเสียเลย จะได้มีให้คนอื่นร่วมชื่นชมด้วย

ลองดูตัวอย่างของสวย ๆ งาม ๆ ในโรงแรมกันค่ะ

 

 

Indonesia 2017 ตอนที่ 8 เที่ยวน้ำตกโจบันรอนดอ

จากโบรโม ก็กลับมาโรงแรม แล้วก็ check out เพื่อที่จะเปลี่ยนไปพักที่เมืองมาลังก่อนจับเครื่องบินกลับมาจาร์กาตา ระหว่างการเดินทางมาเมืองมาลังนี้ ได้แวะเที่ยวน้ำตกโจบันรอนดอ ที่ตกลงมาจากเหว สูง 60 เมตร มีตำนานเล่าขานว่ามีอุโมงค์อยู่ใต้น้ำตก และมีตำนานรักที่ชายหนุ่มพาหญิงคนรักมาซ่อนไว้ ไม่ให้ชายอีกคนมาแย่งชิงไป แต่เราไม่ได้ไปตามหาอุโมงค์นี้หรอก

ที่ดีมาก ๆ คือต้นในรอบบริเวณ ใหญ่และร่มรื่นมาก ๆ เข้าไปแล้วเย็น สบายใจ อากาศดีงาม

 

Indonesia 2017 ตอนที่ 7 โบรโม ระยะประชิด

Look deep into nature, and then you will understand everything better.
— Albert Einstein —

ตอนที่แล้ว เห็นโบรโมแบบมีควันลอยปุด ๆ ไกล ๆ กันไปแล้ว ถึงเวลา นั่งรถจี๊ปต่อไปยังเชิงเขา เพื่อขี่ม้าขึ้นเขากันแล้วค่ะ

 

ต้องขี่ม้าขึ้นเขา

ขี่ม้าไม่ได้ไปถึงบนปล่องนะคะ ต้องพักม้าไว้

เดี๋ยวเจอกันตอนขาลงจ้ะ

แล้วขึ้นบันไดไปสองร้อยกว่าขั้น แบบนี้

ชันนิดหน่อยและมีดินภูเขาไปเกาะตามขั้นบันได

ระหว่างที่เรากำลังจะขึ้นบันได้ ก็จะมีคนมาขายดอกไม้ เพื่อให้เราโยนลงปล่อง คงเพื่อการอธิษฐาน น่าประทับใจที่คนขายพูดภาษาไทย คำว่า “ดอกไม้” ได้ชัดมาก แต่ไม่ได้อุดหนุนอะ

ในที่สุด เราก็มาถึงแล้ว เย้ !!!

แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ
เห็นกันจะ ๆ

 

 

Indonesia 2017 ตอนที่ 6 นั่งรถจี๊ปไปชมวิว เขาพระสุเมรุ และโบรโม

การเดินทางครั้งนี้ ถูกออกแบบให้เข้าที่พักประมาณเชิงเขาก่อนที่จะตื่นตั้งแต่ตีสามเพื่อขึ้นชมโบรโม่ที่เป็นจุดหมายสำคัญของทริปนี้

มาถึงที่พักคือ Jiwa Jiwa Bromo Hotel เป็นโรงแรมไม่ใหญ่ แต่น่ารักดี มีปลูกผักเองไว้มาทำอาหารให้เราทานด้วย อาหารก็มีหลากหลาย ทั้งอาเซียน ตะวันตก และอาหารอินโดนีเซีย ข่าวร้ายอีกรอบ ภาพเหลือน้อยมาก เหลือแค่อาหารเย็นภาพเดียว กับอาหารเช้า ตามภาพเลยจ้า (อ้อ เดี๋ยวงง อาหารเช้าเนี่ย ลงมาทานหลังกลับจากโบรโม่แล้วนะคะ)

 

ดอกไม่ที่เห็นนี้ มีพิษนะคะ ห้ามดม อาจหมดสติหรือตายได้เลย

เวลานัดหมายของเช้านี้คือ 3.30 น.  จึงต้องตื่นกันตั้งแต่  3.00 น.  ทำธูระส่วนตัวเสร็จก็เดินทางด้วยพาหนะสำหรับการขึ้นเขาคือรถจี๊ป 4*4

จี๊ปจะขับไปตามทางคดเคี่ยวและค่อนข้างมืด แต่ก็มากันเป็นคาราวาน ทำให้มีเพื่อน ไม่ดูเปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง อย่างไรก็แอบสงสัยว่า เขาจำทางกันได้ไงนะ ความรู้สึกคือ เห็นแต่ความมืด และคดเคี้ยว บางช่วงก็หมือนเป็นพื้นที่ว่าง ๆ ไม่รู้จะไปทิศใดดี นั่งรถนานพอสมควรจนมาถึงเชิงเขาของจุดชมวิว ที่ทุกคนรอมาชมพระอาทิตย์ขึ้นกัน

ที่จุดชมวิวนี้ ด้านซ้ายจะเห็นเทือกเขา เดาว่า คือเทือกเขาพระสุเมรุ หรือ Gunung Semeru ด้านหน้าจะเห็นโบรโม จริง ๆ ไกด์อธิบายหมดแหละ แต่เราดันลืม บนเขาอากาศเย็นมาก ให้เตรียมเครื่องกันหนาวให้พร้อมนะคะ  อืมมม ไม่ควรบรรยายเยิ่นเย้อมาก ชมรูปดีกว่าค่ะ

พระอาทิตย์ขี้อาย หลบไม่ให้เราถ่ายรูป

เห็นควันไกล ๆ ละนะ
ซูมเข้าไปใกล้อีกนิด เดี๋ยวจะไปเยือนถึงที่เลย

มุมซ้ายล่างของภาพสุดท้ายข้างบนนี้ คือจุดที่รถจี๊ปจะไป drop เราให้ขี่ม้าขึ้นภูเขา โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

Indonesia 2017 ตอนที่ 5 พิพิธภัณฑ์ยาสูบและเรือดำน้ำขึ้นบก

มาถึงตอนที่ 5 นี้ น่าจะครึ่งทางได้แล้วค่ะ คนเล่ามีเวลาน้อย ค่อย ๆ เล่า ใครที่ตามอ่าน ต้องใจเย็นนิดนะคะ จะพยายาม update บ่อย ๆ ค่ะ

หลังทานมื้อเช้าที่โรงแรมแล้ว จุดหมายแรกของวันนี้คือ  House of Sampoerna หรือ พิพิธภัณฑ์โรงงานยาสูบ ไปดูเรื่องราวประวัติและขั้นตอนการผลิตบุหรี่ จริง ๆ ได้ยินว่าเขามีคนนั่งม้วนบุหรี่ให้ดูด้วย แต่บังเอิญเป็นวันอาทิตย์ เลยไม่มีสาธิตแบบนี้ แต่รวม ๆ ก็เฉย ๆ เพราะพอบอกมาว่าเป็นบุหรี่ ก็ตั้งป้อมในใจเลยว่า ดูแล้วจะได้อะไรหรือเปล่านะ แต่โดยรวมสิ่งที่ดีคือ เรื่องของประวัติการค้าและธุรกิจของอินโดนีเซียน่าสนใจดีค่ะ  (ข่าวร้ายคือ มือถือมี ปห. รูปหายเกือบหมดค่ะ)

ในอินโดนีเซียมีคนสูบบุหรี่เยอะมาก เมื่อก่อนธุรกิจบุหรี่และยาสูบคือธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ แต่มาเดี๋ยวนี้โดนเทเลคอมแซงแล้ว (ไปตามถนนหนทางมีโฆษณาโทรศัพท์มือถือเยอะมาก) ไกด์ของเราก็สูบบุหรี่ เล่าให้ฟังว่า บุหรี่เขาเรียก กราแต็ก เพราะเวลาจุดสูบมีเสียงแต็ก ๆ (ไกด์ให้ฟังเสียงด้วย ได้ยินเบา ๆ) แต่เข้าใจว่าเดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่อาจจะไม่มีเสียงแล้ว เหลือแค่บางยี่ห้อบางรุ่นมั้ง อาจจะเกี่ยวกับกระดาษที่ใช้มวนหรือเปล่าก็ไม่รู้จึงมีเสียงดัง

จบจากรับชมเรื่องราวของบุหรี่แล้ว ก็สวมหัวใจเยาวชนยามท่องเที่ยววันเด็ก ไปชมเรือดำน้ำกัน ลำนี้อินโนีเซียสั่งรัสเซียต่อมา ปลดระวางปี 1991 แล้วก็เอามาขึ้นบกเปิดให้ชมกัน ข้างในเรือดำน้ำเล็กมาก อึดอัดแทนทหารเรือที่ต้องประจำการในเรือจัง ได้เห็นตอร์ปิโดด้วย ดูของจริงเสร็จ ก็มีสารคดีเกี่ยวกับเรือดำน้ำลำนี้ให้ชม ว่าไปรบอะไรมาบ้าง ตอกย้ำกิจกรรมวันเด็ก (เหมือนมาก ๆ) แต่ก็แอบสงสัยว่า เดี๋ยวนี้ ดาวเทียมผสมระบบบนอากาศหรือระบบอัตโนมัติอื่น ๆ อาจมาแย่งงานหลายส่วนไปหรือเปล่า ไม่เอาแระ ไม่ค่อยมีความรู้  รวม ๆ  ก็ถือว่าไปดูเพลิน ๆ ฆ่าเวลา เพราะจะต้องเดินทางไปถึงที่พักใกล้ภูเขาไปโบรโม่ช่วงเย็น ถ้าไปเร็วเกินไป ก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี  ไกด์มีพาไปเที่ยวศาลเจ้าด้วย แต่เดินไปแว๊บเดียวก็ขอ skip รายการนี้ เพราะศาลเจ้าเล็กและมืดมาก ได้เข้าใจว่า เกาะสุราบายานี้มีความหลากหลายทางศาสนา ก็ OK แระ

เรือดำน้ำ ว่าไปก็ไม่ใหญ่นัก

ทางเดินเข้าศาลเจ้าเล็ก ๆ ในซอยเล็ก ๆ กลางเมือง

อาหารกลางวันก็จัดเต็มเหมือนเดิมค่ะ

  

 

Indonesia 2017 ตอนที่ 4 มื้อค่ำและมื้อเช้าที่ Bumi Surabaya Hotel

หลังจากจบการเที่ยวชมวังและสวนน้ำแล้ว ก็จะต้องขึ้นเครื่องไปยังเกาะสุราบายา โดยมีจุดหมายหลักคือโบรโม่ มาถึงสุราบายาก็ค่ำแล้ว ไกด์ท้องถิ่นพาเข้าพักและรับประทานอาหารค่ำที่โรงแรม คาดไว้ว่า คงเป็นอาหารบุฟเฟ่ต์ปกติ มาเจอของจริง กลับเป็นห้องอาหารที่มีทั้ง indoor และ outdoor อลังการและมีชีวิตชีวา อาหารเยอะมากเสียจนต้องเฉลี่ยทานอย่างละนิดละหน่อย ที่อร่อยมากคือสะเต๊ะ ที่ย่างกันเห็น ๆ

ที่เห็นในแก้วนี้ เรียกว่าเบียร์ชวา แต่ไม่มีแอลกอฮอล์นะคะ สมุนไพรล้วน ๆ แค่หน้าตาเหมือนเบียร์เฉย ๆ ลองแล้วอร่อยดีค่ะ รสหวาน ๆ หอมสมุนไพร

ที่จริงแล้ว ไลน์อาหารเยอะมาก อินโด ฝรั่ง ญี่ปุ่น แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเท่าใดนัก ชอบบรรยากาศด้านนอกมาก

พอรุ่งเช้า ก็ทานที่ห้องอาหารเดิม แต่อาหารจะน้อยกว่าตอนค่ำนิดหน่อย ที่ชอบมากคือข้าวผัดอินโดค่ะ เพราะผัดกันจริงจัง ใช้แรงในการผัดอย่างสูงเลยทีเดียว ทั้งเขย่า และขยี้ (จริง ๆ นะ ตามภาพ)
รสชาติคุ้มกับแรงของคนผัดค่ะ เราขอไข่ดาวมาโปะสักหน่อย อร่อยเหาะ



Indonesia 2017 ตอนที่ 3 เที่ยววังสุลต่านและอุทยานน้ำ

วันรุ่งขึ้น ก่อนบินไปสุราบายา ได้แวะเที่ยวชมวังสุลต่านที่มีชื่อเรียกว่า กราตอน จ๊อกจา  วังไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีต้นไม้ใหญ่ ๆ และก็มีอะไรให้ชมพอสมควรค่ะ  แต่ขอบอกไว้ก่อนว่า วังเล็ก ๆ นะคะ ใช้เวลาแป๊บเดียวก็ชมทั่วแล้วค่ะ ส่วนสวนน้ำ เราพบนักเรียนศิลปะกลุ่มนึงมานั่งสเก็ตช์ภาพกัน ดูตั้งอกตั้งใจดีมากค่ะ

ส่วนอาหารเที่ยง จัดเต็มไม่แพ้มื้ออื่นเช่นเคยค่ะ

 

จบอาหารเที่ยง ก็เตรียมตัวขึ้นเครื่องไปสุราบาย่า ใกล้ภูเขาโบรโมเข้าไปอีกนิดค่ะ

 

Indonesia 2017 ตอนที่ 2/3 – Borobudur, Mendut และ Prambanan

และแล้วก็มาถึงปรัมบานัน สถานที่ที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน ไม่เหมือนบุโรพุทโธที่คุ้นเคยกันดี พอเดินเข้ามาในบริเวณปั๊บ ต้องร้อง OMG โห นึกว่าเล็ก ๆ ใหญ่ขนาดนี้เลยหรือนี่ ลองชมภาพความอลังการของหมู่วิหาร 8 วิหารแห่งนี้กันก่อนค่ะ

 

 

 

Prambanan นี้ นอกจากจะเป็นมรดกโลกแล้ว ยังเป็นศาสนสถานของฮินดูที่ใหญ่มาก ๆ เลยทีเดียว มีปรางค์หลายปรางค์ด้วยกัน ข้างในปรางค์แต่ละปรางค์ก็จะมีเทวรูปประดิษฐานอยู่ แต่ละปรางค์ก็ไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น พระพรหม พระนารายณ์ พระอุมาเทวี ฯลฯ ส่วนด้านรอบ ๆ ก็เป็นหินแกะสลักที่งดงามอ่อนช้อย

 

เดินขึ้นเดินลงหลายปรางค์ เก็บภาพมาพอสมควร ก็ได้เวลาไปทานข้าวแล้วกลับที่พัก เตรียมตัวไปจุดหมายถัดไป คือ วังสุลต่านและอุทยานน้ำในช่วงเช้า แล้วค่อยย้ายเมืองเพื่อไปสุราบายา ไปชมไฮไลท์ของทริปนี้คือ ภูเขาไฟโบรโม ที่ยังมีควันปุด ๆ อยู่ตลอดเวลา

ถ้าถามเรา อลังการที่สุดของวันนี้ ก็คือ ปรัมบานันนี่แล ชอบมากเลยค่ะ

สำหรับอาหารเย็นก็จัดเต็มอีกตามเคย ตามภาพเลยค่ะ