เกาะสีชัง – เรียบง่าย สงบ งดงาม

The only source of knowledge is experience.

— Albert Einstein —

ต่อจากโพสต์ที่แล้ว เราค้างบางแสนหนึ่งคืน นั่งมองวิวทะเลเห็นเกาะสีชังอยู่ไกล ๆ พ่อบอกว่า เกาะสีชังอยู่แค่นี้ แต่ยังไม่เคยไปเลย  ok ไปได้ค่ะ ไม่เคยไปเช่นกัน

check out ออกจากที่พักประมาณ 10 โมงเศษ ก็มุ่งหน้าไปท่าเรือจรินทร์ เนื่องจากเกาะลอยปิดปรับปรุง สอบถามผู้คนแถวนั้น คาดกันว่า คงอีกเป็นปี กว่าเกาะลอยจะเปิด ท่าจรินทร์จริง ๆ แล้ว เป็นสะพานปลา แต่นำมาเป็นท่าเรือโดยสารชั่วคราวระหว่างที่เกาะลอยปิดการใช้งานอยู่ ไม่มีที่จอดรถที่ท่า เราแวะถามแม่ค้าขายกาแฟแถวนั้น แนะนำให้หาที่จอดรถด้านนอก เราได้ที่จอดตรงทางเข้าไนท์บาร์ซาร์ แล้วเรียกตุ๊ก ๆ ไปท่าจรินทร์ ค่าตุ๊ก ๆ 60 บาท ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ

ไปถึงท่าเรือจรินทร์ 10.58 น. เหลืออีกสองนาทีเรือจะออก ได้ยินเสียงแตรเรือดังลั่น ซื้อตั๋วแล้วรีบลงเรือ แต่รีบไม่ได้ดั่งใจ เพราะทางลงเป็นบันไดไม้พาดที่มีราวข้างเดียว สูงและชัน (สูงสักสองเมตรกว่า ลาด 45 องศา) จนคิดว่า แม่จะลงอย่างไรไหว คนเรือและคนที่ท่าเรือให้กำลังใจกันมากว่าลงได้ แล้วก็ช่วยกันจับช่วยกันประคอง จนแม่สามารถลงเรือได้สำเร็จ ขอขอบคุณอีกครั้งมา ณ ที่นี้

ค่าตั๋วเรือโดยสารคนละ 50 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ก็ถึงเกาะ กลางทะเลก็มีเรือให้ชม มีนกให้ดูเป็นระยะ ๆ

พอถึงท่าเรือที่ฝั่งเกาะสีชังนี้ ทางขึ้นสะดวกกว่ามาก ขึ้นมาก็พบกับบริการรถสกายแล็ปนำเที่ยว คันละ 250 บาท บอกพี่คนขับว่า ไปแบบที่ไม่ต้องเดินลำบากมาก แม้จะใกล้แปดสิบแล้ว พ่อยังเดินไหว แต่แม่คงไม่ไหวด้วย

พี่คนขับพาไปที่แรกคือไปไหว้พระทำบุญที่ศาลเจ้าด้านล่าง มิได้ขึ้นไปศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ด้านบนเพราะขึ้นลำบาก แต่ก็ได้แวะจอดให้พวกเราได้ไหว้สักการะท่านจากด้านล่างก่อนถึงศาลเจ้าเล็กที่เราไปทำบุญโลงศพ เจ้าหน้าที่ในศาลเจ้าที่ดูแล้วอาจะเป็นจิตอาสา อธิบายขั้นตอนและให้ความช่วยเหลือให้เราสามารถไหว้และปักธูป ตีกลอง ตีฆ้องได้ถูกต้อง และช่วยดูแลแม่ด้วย ขอขอบคุณอีกครั้งเช่นกัน

ต่อจากศาลเจ้า ก็ไปที่ช่องเขาขาด ชมวิวอันสวยงามสงบเงียบ แบบที่เห็นกันคุ้นตาตามรีวิวต่าง ๆ บนเน็ต จากนั้นเราก็เริ่มหิวน้ำ อ่านเจอว่ามีร้านเจ็ดสิบเอ็ดบนเกาะ จึงขอให้พี่คนขับพาไป พี่เขาพาไปจอดหน้าร้านนี้ อืมมม เปลี่ยนใจอุดหนุนร้านนี้ดีกว่า

มีความประทับใจร้านส่วนกี่เบเกอรี่นี้เป็นอย่างมาก คุณน้าเจ้าของร้าน ขายของอยู่คนเดียว เราสั่งกาแฟสามแก้ว ขนมปังเนยน้ำตาลนมหนึ่งจาน ขนมปังสังขยาหนึ่งจาน ทั้งหมด 85 บาท ทิปไป 15 บาท คุณน้าไม่รับ บอกว่า ตรงไปตรงมา คือเก็บเงินตามราคาเท่านั้นพอค่ะ  คุณน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ขอเข้าห้องน้ำก็ยินดีให้ใช้ได้เต็มที่

ร้านนี้เปิดมานาน ยังคงเก็บข้าวของเก่า ๆ ไว้ ตามภาพ สรุปว่าร้านเจ็ดสิบเอ็ดไม่ได้รับการอุดหนุนจากเราในวันนี้ ขอให้คุณน้าขายดียิ่ง ๆ ขึ้นไปนะคะ สังขยาหอมไข่แดงมากค่ะ

 

สถานีต่อไปคือสะพานอัษฎางค์ซึ่งเป็นเขตพระราชฐาน สะพานแห่งนี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เห็นหลายคนเขียนว่าเป็นสะพานแห่งรัก ไม่รู้เหตุผล แต่บอกได้ว่าเข้าไปรู้สึกโรแมนติค สถานที่ก็ร่มรื่น แม้เราจะไปเยือนกลางแดดเปรี้ยง  ในเขตพระราชฐานนี้มีจุดท่องเที่ยวอีกหลายจุด แต่ไม่ได้เดินไป เพราะพ่อกับแม่เริ่มเหนื่อย

สุดท้ายก่อนกลับไปท่าเรือ คือ พ่ออยากชมชายหาดของเกาะสีชัง พี่คนขับจึงพาไปหาดถ้ำพัง ซึ่งพี่เขาเล่าว่าบางช่วงนักท่องเที่ยวเต็มหาดทั้งไทยและต่างประเทศ เราไปวันธรรมดา หาดจึงดูเงียบสงบดี หาดนี้เป็นหาดเดียวในเกาะที่สามารถเล่นน้ำได้

กลับมาขึ้นเรืออีกครั้ง ค่าเรือขากลับก็ 50 บาทเท่ากับขามา ตอนกลับขึ้นฝั่ง ก็มีพี่ ๆ น้อง ๆ ที่ใจดีทั้งในเรือและบนท่าช่วยกันพาแม่ขึ้นจนสำเร็จ ก็ขอขอบคุณอีกครั้งเช่นกันค่ะ

ขอบคุณที่สุดคือพ่อ ที่ชวนเที่ยว และดูแลแม่เป็นอย่างดีตลอดการเดินทางนี้ ขอบคุณแม่ที่ไปไหนไปกันค่ะ

 

 

เที่ยวทะเลใกล้ ๆ ที่ไม่เคยไปมาแสนนาน – บางแสน

“Wherever you go, go with all your heart.”

                                     — Confucius —

ตั้งใจอยากจะหยุดงานหลายวัน แต่มีเหตุให้เปลี่ยนแผน เหลือวันหยุดสองวัน คิด ๆ ๆ ไปไหนดี ค้น ๆ ๆ ไปที่นี่ล่ะนะ ไม่เคยไปมานานกว่า 30 ปี (โปรดอย่าใช้ข้อมูลเพื่ออ้างอิงอายุคนเขียน)

“ดูพระจันทร์ตกน้ำ ตกเมื่อยามราตรี” ถ้าคุ้นเนื้อเพลงนี้ ก็ใช้อ้างอิงอายุได้อีกเหมือนกัน แถมจะตอบได้ด้วยว่า ไปบางแสนนั่นเอง ทะเลที่ในอดีตเป็นที่นิยมอย่างมาก แต่วันนี้อาจไม่ค่อยเป็นตัวเลือกของใครต่อใครนัก

บางแสนใกล้กรุงเทพฯ มาก เช็คระยะทางด้วย Google Map 108 กิโลเมตรจากบ้าน ขับรถไม่นานก็ถึงที่พักซึ่งก็จองตามที่เห็นรีวิวกันว่า ที่พักหลักพัน แต่วิวเป็นหมื่น  ที่หาดวอนนภา (บอกอย่างจริงใจว่า ถ้าเลือกห้องชั้นเตี้ยหน่อย แล้ว crop ภาพเอา วิวก็หรูใช้ได้ เพราะความสวยงามอยู่ที่มุมของคนมองอย่างที่ใครกล่าวไว้ แต่ถ้าจะให้ดีก็พักชั้นสูง ๆ จะได้หลบเสาไฟ สายไฟ และความจอแจตามถนนริมหาด ส่วนบริการนั้นดีมาก พนักงานสุภาพยิ้มแย้ม อาหารอร่อยและดีเกินราคา) ลองดูวิวแบบ crop แล้วจากห้องนอนตามภาพค่ะ

นั่งชมทะเลไปเรื่อย ๆ ก็เพลินแล้ว ไม่ต้องทำอะไรมาก แต่ก็เดินชมรอบ ๆ สักหน่อย หาดนี้ชาวประมงทำประมงกัน มีเรือประมงตลอดแนว

เป้าหมายของทริปนี้ อยากมาดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าและขอบน้ำ แต่ไม่มีโชค หมู่เมฆพร้อมใจกันมายึดแผ่นฟ้า พระอาทิตย์ก็ขี้อาย หลบหายเข้ากลีบเมฆ ได้แต่ภาพทะเลสีเงิน ๆ

 

สักวันจะกลับมาตามหาภาพทะเลสีส้ม ณ ที่นี้

 

 

Surround yourself with trees

Did you know that being around trees makes you healthy? There’s an interesting article in Scientific American that talks about how trees help to clear the air of pollution.

Trees can capture common pollutants and toxic gases, such as:  carbon monoxide, nitrogen oxides, sulfur dioxide and lead. A recent study established that more than 850 human lives per year are saved by trees, thanks their ability to reduce air pollution. Air pollution can cause respiratory illnesses that can often be fatal.

A Spanish study has also shown that if children are exposed to greenery in their neigbourhood and at school, they have better attention and memory skills.

Clearly, the cutting down of trees to make way for high-rise developments or subdivisions could have serious consequences for our environment and health.

Photo credit: K. Martins.

สูตรลบรอยแผลเป็น

  1.  ”ทุกรอยแผลเป็น มีเรื่องราวและที่มา”

แต่สงสัยว่า เก็บเรื่องราวและที่มาไว้ในความทรงจำจะดีกว่าไหม

หลายวันก่อน เรามีเหตุให้ต้องไปผ่าก้อนแถว ๆ ต้นขา สิบวันจึงได้ตัดไหม ก้อน Lipoma กลม ๆ หายไป แต่ทิ้งร่องรอยการผ่าตัดนูนละตะปุ่มตะป่ำ แถมชักเริ่มจะแข็ง ๆ ไว้ด้วย

ไม่ได้ห่วงสวย เพราะบริเวณที่เป็นไม่มีใครเห็นอยู่แล้ว แต่ไม่อยากมีก้อนแข็ง ๆ จึงต้องรีบเสาะหาว่า ทำอย่างไรจะหายไป ค้นเน็ตก็ดูจะมีหลายสูตร ไม่รู้อันไหน work อันไหนไม่ work จนมีเพื่อนแนะนำว่า ถามเพื่อนเราดูไหม he คงจะถูกคนไข้ถามและน่าจะตอบได้

ถามแล้วก็ได้คำตอบจริง ๆ เพื่อนบอกว่า ให้ใช้ Smoot E ทาทิ้งไว้ยี่สิบนาทีให้ดูดซึม จากนั้นทาทับด้วย Dermatix  ตัวหลังนี้จะรู้สึกคล้าย ๆ ฟิล์มเคลือบ ทำแบบนี้วันละเดือนสองครั้ง เช้าเย็น ประมาณสามเดือน หรือบางทีอาจจะต้องนานถึงหกเดือน

โห สามเดือนเลยหรือ อ่อ ช้าก่อน ให้ลองทำสักเดือนหนึ่ง หากไม่ work ก็จะต้องเปลี่ยนแผน  พอจะเข้าใจแล้ว ครีมจะดีอย่างไร ผลที่ได้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของคนใช้ด้วย ร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกันนี่นา

รุ่งขึ้นไปซื้อครีมทั้งสองตัว ตัวหลังอย่าเรียกว่าครีมเลย เป็นเจลใส ๆ สองอย่างเกือบพันบาท (ตัวหลังนำเข้าจาก US แพงใช้ได้เลยค่ะ แต่ทาบาง ๆ พอ เขามีเขียนบอกไว้ ใช้นิดเดียวพอ) เอาเถิด เพื่อความสบายใจ

ตอนนี้เริ่มทาได้สองวันแล้ว รู้สึกว่านิ่มขึ้น ผ่านไปสักพัก จะกลับมา update กันอีกที เผื่อเป็นประโยชน์แก่ท่านอื่น ๆ นะคะ

(โพสต์นี้เป็นการทดลองส่วนตัว  ขอบคุณเพื่อนอีกครั้งจ้า)

เย็นวันหนึ่ง ที่วัดมกุฏ

วันนี้ได้ไปร่วมงานศพที่วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร ไปถึงเร็วกว่าเวลาสวดร่วมชั่วโมง เข้าใจว่าคนยังไม่เลิกฉลองสงกรานต์กัน รถจึงไม่ติด

เวลาไปถึงวัดนี้ก่อนเวลา สิ่งที่นิยมทำมีสองอย่าง อย่างแรกเดินไปทานหอยทอดร้านศิริวรรณแถวนั้น และอย่างที่สองคือ ไปกราบพระในพระวิหาร

วันนี้ เลือกทำเฉพาะประการหลัง คณะของเราเข้าไปกราบพระกัน พระวิหารงดงามเช่นเคย งามจากด้านหน้า และสงบเมื่อเข้าสู่ภายใน แค่ก้มลงกราบพระประธานแล้วนั่งนิ่ง ๆ สักพัก ก็อิ่มเอมใจ

วันนี้ยังมีโชคดีอีกชั้น กราบพระเสร็จ มีพระภิกษุรูปหนึ่งเดินเข้ามา พร้อมด้วยความเมตตา มาสนทนาธรรมกับพวกเรา

ประเด็นมีหลากหลาย แล้วแต่ใครจะจับใจความสำคัญได้ตามจริตของตน สำหรับเราที่จำได้ (หากมีข้อผิดพลาดเราขอน้อมรับไว้เอง)

  • “ผู้ที่เข้าใจความตายก่อน คือผู้ชนะ”
  • “เรียนทางโลกแล้ว ควรเข้าวัดมาศึกษาสิ่งที่สำคัญต่อชีวิตจริง ๆ บ้าง”

สุดท้ายแล้ว อะไรคือสิ่งสำคัญต่อชีวิตของเรา ในเมื่อทุกชีวิตจะพบกับมรณะทั้งสิ้น

หลวงพ่อท่านพูดให้คิดในหลาย ๆ มุม ผ่านบทสนทนาที่กันเองและเรียบง่าย เมื่อถึงเวลาอันสมควร การสนทนาก็ยุติ เปลี่ยนโหมดเข้าสู่การทำวัตรเย็น คณะของเราร่วมสวดตอนต้นเล็กน้อย ก่อนกราบลามาฟังสวดพระอภิธรรมศพตามที่ตั้งใจ

ทราบภายหลังว่า คณะเราโชคดี ได้รับความเมตตาจากท่านเจ้าคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสที่บวชมาแล้วนานถึง 63 พรรษา ซึ่งท่านถ่อมตนและให้ความกรุณาแก่พวกเราเป็นอย่างมากโดยแท้

ขอกราบนมัสการขอบคุณท่านอีกครั้ง ที่ทำให้เย็นวันนี้ เป็นช่วงเวลามงคล ได้ฟังธรรม ได้คิด และเกิดความสงบใจ

 

My Lamy: Japan Special Edition

ดูจากสีตัวด้าม และสีคลิป ก็พอจะเดาได้ว่านี่คือสีของ Japan โดยแท้

Lamy รุ่น Safari ด้ามนี้ มีคนใจดียกให้ จำความได้ว่า เขาไปญี่ปุ่นแล้วกวาดต้อนมาหลายด้าม

ว่าไปแล้วบุรุษผู้นี้แล คือ ผู้ชักนำเราเข้าวงการ Lamy เคยเห็นปากกาใน collection ของ he แล้ว สุดอลังการ

เนื่องจากรู้ว่าเราชอบ จึงฝากผ่านภรรยา ซึ่งเป็นน้องที่น่ารักของเรามาให้ ดีใจสุด ๆ ที่ได้รับ

 

ขอบคุณในความมีน้ำใจของน้องสาวและน้องชายที่น่ารักเสมอนะจ๊ะ

My Lamy: Lamy X Line Friends – Brown in the Red – Limited Edition


พี่เราชอบทำหน้าไม่เข้าใจ เวลาเราซื้อปากกา Lamy เพิ่ม แถมเวลาเราให้ยืมปากกาไปใช้ทีไร ทำหน้าเหยเก เพราะจับปากกาหมึกซึมไม่เป็น ในใจคงจะคิดด้วยว่า ซื้อทำไมหลายแท่งนัก

พี่ก็คือพี่ ปีที่แล้วพี่ไปเที่ยวเกาหลี กลับมาบอกว่ามีของมาฝาก ตอนให้ทำท่าภาคภูมิใจมาก คนรับก็ลุ้นตอนเปิด เฮ้ย ว้าว ว้าว ว้าว

สิ่งนั้นคือ Lamy X Line Friends น้องหมี Brown ที่เราอ่านเจอว่าขายเฉพาะ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลี

เปิดกล่องกระดาษเจอสิ่งนี้

กล่องเหล็กสีแดงปั๊มนูน น่ารัก แบบเรียบ ๆ ดูทรงคุณค่า เปิดฝากล่องก็มาเจอสิ่งเหล่านี้

มีน้องหมีสองตัว ตัวหนึ่งไว้สวม อีกตัวหนึ่งไว้สอดลงไปที่คลิปหนีบหรือตัวปากกา เลือกใช้งานได้ตามใจชอบ

มีคู่มือการใช้งานมาให้ด้วย นอกจากวิธีการใส่หมึก สูบหมึก ล้างปากกาแล้ว ยังมีวิธีการใช้น้องหมีสองตัวนี้ด้วย

ปิดท้ายด้วยคำเตือนในการใช้งาน ที่ so cute สำหรับเรามาก

ความฟิน 10 เต็ม 10 ตอนนี้ใช้มาพักนึงแล้วก็ยังคงระดับความฟินค่ะ แม้ nib จะเป็นขนาด EF โดยเข้าใจว่ารุ่นนี้มีขนาดเดียว เล็กกว่าปกติที่เรามักใช้ F แต่ก็เขียนได้ลื่นไหลดี

ขอบคุณขุ่นพี่ที่คิดถึงและซื้อมาฝาก

เยิฟ เยิฟ ค่ะ

My Lamy : the Chinese Pico

เราเป็นสาวก Lamy ประกาศไว้ตรงนี้เลย ที่ใช้หลัก ๆ คือ ปากกาหมึกซึมรุ่น Safari มีหลายสีแระ

เพื่อนรักพอรู้ความว่าเราเป็นสาวก เห็น Lamy Pico แท่งนี้ที่ร้านขายของที่ระลึก สวนหนานเหลียน ฮ่องกง เลยคิดถึง และซื้อมาฝาก

ความดีของเจ้า Pico แท่งนี้ ก็คือ มันยาวเพียง 9 ซม. แต่พอกดแล้วจะยืดออกเป็น 12 ซม. ทำให้เกิดความดีสามประการคือ พกสะดวก ถือสะดวก เขียนสะดวก

ขอบคุณเพื่อนรักที่ซื้อมาฝาก ทำให้เรามี Lamy รุ่นที่คงไม่ค่อยเห็นกัน เพราะตราที่เป็นภาษาจีนนี้แล (ไม่รู้ว่าเขาเขียนว่าอะไร แต่เก๋คร่า) แท่งนี้เป็นลูกลื่นแท่งแรกในคลังของเรา ก็เขียนลื่นไหลดีอยู่นะ

แท้จริงแล้วคุณค่ามิได้อยู่ที่ปากกา แต่อยู่ที่มีคนคิดถึงต่างหาก

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

Working together

Welcome to the first English post for Read and Smile. There are two things that interest me: education and the environment. I will be posting positive news stories mainly in these areas and, because I’m an ex-teacher, will start off with a fantastic initiative in the UK.

First though, let me say that we need to think seriously about the role elderly people can play in society. In Western countries, there is a trend pushing for people over fifty years of age to live in “retirement villages”, euphemistically called “lifestyle communities”. Baby Boomers (or those born between 1946-1964) are being pushed out of the workforce.

This is age discrimination based on thinking that older people are out-of-date in their knowledge and skills. I’ve always thought that a cohesive society is one where all generations work together and benefit from their specific skills. This is why it’s so important for grandparents to be in the lives of their grandchildren.

Downshall primary school in Ilford, UK is bringing elderly people into the classroom three times a week. They become involved in all sorts of classroom activities and the major benefit I see is that young children gain a positive attitude towards older people.

You can read about the initiative here. What similar initiatives do you know about? Tell us about initiatives that help elderly people feel less isolated and transfer their knowledge and skills to younger generations.

 

The New English Admin

Dear all readers,

Please give a warm welcome to the new admin who will post English contents on this blog. Therefore, you will find Thai and English “read and smile” stories here.

We hope you enjoy visiting our blog.

Best regards,

Admin